สำหรับจังหวัดภูเก็ตนั้นขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเยาวราชแห่งที่ 2 ของประเทศไทย เนื่องจากมีคนไทยเชื้อสายจีนในตระกูลต่างๆ อาศัยอยู่ที่นี่กันมาก และแน่นอนว่าศาลเจ้าที่จังหวัดภูเก็ตก็มีมากมายอยู่ทั่วทั้งเมือง รวมๆ แล้วน่าจะมากกว่า 40 แห่ง และเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาของเทศกาลถือศีลกินผัก ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ตและทั่วประเทศไทยนั้น ก็จะออกไปร่วมพิธีทำบุญไหว้เทพเจ้าที่ศาลเจ้า หรือ “อ๊าม” และศาลแต่ละแห่งก็จะมีเทพเจ้าที่มีความศักดิสิทธิ์ และให้พรหลากหลายรูปแบบ เช่น พรในด้านสุขภาพที่แข็งแรง หรือขอให้หน้าที่การงานดี ค้าขายร่ำรวย ดังนั้นเราจึงขอเลือกอ๊ามชื่อดังที่คนทั้งประเทศต่างนิยมไปขอพรในแบบต่างๆ โดยมีอยู่ด้วยกัน 9 อ๊าม ดังนี้
1.อ๊ามกะทู้
เป็นอ๊ามที่เก่าแก่ที่สุด และถือเป็นจุดเริ่มต้นประเพณีถือศีลกินผักในจังหวัดภูเก็ต (เจี๊ยะฉ่าย) ซึ่งในสมัยครั้งอดีตเทศกาลถือศีลกินผักนั้นได้เริ่มต้นมาจากโรงงิ้วที่กะทู้แห่งนี้ เนื่องจากสมัยนั้นมีคนจีนได้อพยพมาทำงานเหมืองที่ภูเก็ตมากมาย รวมทั้งมีคณะงิ้วมาทำการแสดงด้วย ต่อมาได้เกิดโรคระบาดขึ้นชาวจีนล้มเจ็บมาก พวกเขาจึงฉุกคิดว่าเป็นเพราะอะไร หรือจะเป็นเพราะพวกเขานั้นละเลยการถือศีลกินผักที่ปฏิบัติการมาในประเทศจีน จึงได้จัดพิธีถือศีลกินผัก 9 วัน 9 คืนขึ้นที่กะทู้ ไม่นานโรคระบาดก็ได้หายไป จากนั้นสืบมาจึงได้ทำจัดพิธีถือศีลกินผักขึ้นในทุกๆปี สืบต่อมาถึงปัจจุบัน ภายในอ๊ามก็จะมีเทพเจ้าจีน “กิมซิ้น” มากมายหลายองค์ รอให้ผู้คนเข้าไปสักการะบูชา หากมาไหว้พระเก้าอ๊ามที่จังหวัดภูเก็ต อ๊ามกะทู้ต้องเป็นหนึ่งในเก้าที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
2.อ๊ามท่าเรือ
อ๊ามท่าเรือจะอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร อ๊ามสีสันสดใสสวยงามสังเกตได้ง่ายคือด้านหน้าจะมีองค์เต้กุน หรือองค์เทพกวนอูซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้า สำหรับอ๊ามท่าเรือแห่งนี้มีองค์พระโป้เส้งไต่เต่ (หงอ จิ้นหยิน) เป็นพระประธาน ซึ่งมีชื่อเสี่ยงในเรื่องมีความเฉลียวฉลาด และมีความสามารถในการรักษาโรค จนได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘หมอเทวดา’ ทำให้คนเจ็บคนป่วยมักจะมาขอพรเพื่อให้อาการเจ็บป่วยของตนดีขึ้นเสมอๆ
3.อ๊ามสามกอง
อ๊ามสามกอง หรือ อ๊ามหลิมฮู้ไท้ซู่ เป็นอ๊ามที่มีขนาดกำลังดีไม่ใหญ่มาก อยู่ในเมืองเดินทางสะดวก เดิมประเพณีถือศีลกินผักของอ๊ามสามกอง ต้องไปร่วมพิธีกับศาลเจ้าบางเหนียว แต่ในปี พ.ศ.2538 หลังจากอ๊ามหลังใหม่สร้างเสร็จ ทางอ๊ามก็ได้จัดประเพณีถือศีลกินผักเอง และได้อัญเชิญ “เหี่ยวโห้ย” (ไฟศักดิ์สิทธิ์) มาจากมณฑลกังไซ้ ประเทศจีน มีผู้มีจิตศรัทธา เข้าร่วมพิธีกรรม ถือศีลกินผักเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประจำทุกปี ด้านหน้ามีร้านอาหารเจหลายร้านที่เปิดขายตลอดทั้งปี ใครที่ต้องการทานเจมาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
4.อ๊ามจุ้ยตุ่ย
อ๊ามจุ้ยตุ่ย และอ๊ามปุดจ้อ อยู่ใกล้กันและมีพื้นที่ร่วมกัน อ๊ามจุ้ยตุ่ยและอ๊ามปุดจ้อเป็นอ๊ามที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากอยู่ในเมือง เดินทางสะดวกผู้คนจึงแวะเวียนมาสักการะบูชาได้ง่ายและเป็นที่นิยม ในส่วนของศาลเจ้าปุดจ้อจะมีองค์กวนอิมปุดจ้ออยู่ ณ อ๊ามแห่งนี้ ที่ขึ้นชื่อจะเป็นในเรื่องของการรักษาโรคด้วยยาจีน จะมีใบบอกตัวยาจีนเพื่อใช้ในการรักษาโรคหลากหลายสามารถไปนำมาเพื่อซื้อหายาจีนแล้วต้มทานที่บ้านได้
5.อ๊ามปุดจ้อ
อ๊ามปุดจ้อ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองภูเก็ต ติดกับอ๊ามจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ในสมัยอดีต เดิมที่ตั้งอ๊ามปุดจ้อเป็นศาลเจ้าเต้กุน (กวนอู) ซึ่งสร้างเป็นอาคารไม้หลังคามุงจาก สถานที่แห่งนี้ เรียกกันว่า หมู่บ้านจุ้ยตุ่ย ต่อมามี พ่อค้าชาวเรือได้เดินทางมาจากปีนัง (มาเลเซีย) มายังเมืองทุ่งคา (ภูเก็ต) เพื่อทำธุรกิจ ได้ล่องเรือมาถึงหน้าศาลเจ้า ซึ่งสมัยก่อนเป็นท่าเรือ ในเรือลำนี้ มีองค์รูปสลักไม้ (กิมซิ้น) ของพระแม่กวนอิมปุดจ้อ ซึ่งปกติแล้ว เจ้าของเรือจะมีไว้ในเรือ เพื่อสักการบูชาเป็นประจำ และเพื่อปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายทั้งปวง ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้พ่อค้าเจ้าของเรือมอบองค์รูปแกะสลักของพระแม่กวนอิมปุดจ้อ ให้ประดิษฐานไว้ ณ ศาลเจ้าเต้กุน เพื่อให้ผู้คนได้สักการบูชา
6.อ๊ามบางเหนียว
อ๊ามบางเหนียว หรือ อ๊ามเต้าโบ้เก้ง เป็นอ๊ามที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต สำหรับชาวไทยเชื้อสายจีนนั้นเชื่อว่า หากได้มาสักการะ องค์เตี๋ยนหู้หง่วนโส่ย และองค์พระไต่ส่องส่ามตองอ๋อง จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและส่งเสริมโชคลาภ ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ มีฐานะการงานที่มั่นคง และค้าขายร่ำรวย
7.อ๊ามสะพานหิน
อ๊ามกิ้วเที้ยนเก้ง (สะพานหิน) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปลายแหลมสะพานหิน ศาลเจ้านี้ได้ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 16 เมษายน 2538 โดยได้รับการอนุญาตการก่อสร้างจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในสมัยท่านเฉลิม พรหมเลิศ และ คุณสมบูรณ์ คู่พงศกร เป็นประธานศาลเจ้า ดำเนินการให้มีการก่อสร้างศาลเจ้าแห่งนี้จนสำเร็จ จากนั้นได้อัญเชิญองค์เทพกิ้วเที้ยนเลี่ยนลื้อ มาประดิษฐานในศาลเจ้า
8.อ๊ามเจ่งอ๋อง
ศาลเจ้าแห่งนี้เดิมที่เป็นเก่งเล็กตั้งตรงปลายแหลมต่อมามีผู้มีจิตศรัทธราได้ร่วมลงเงินลงแรงกันสร้างขึ้นมาใหม่ โดยได้รับมองกรรมสิทธิ์ที่ดินจากเทศบาลนครภูเก็ต ตัวศาลเจ้าเป็นสีทองมีความงดงามจากการตัดด้วยสีแดง ภายมนศาลเจ้ามีองค์กิ้วเทียนเลี่ยนลื้อเป็นองคืประธาน แบ่งเป็น 3 ห้องง่ายเหมือนศาลเจ้าทั่วไป ด้านนอกศาลเจ้ามีรูปแกะสลักเหล่าโป๊ยเซียน หรือ แปดเซียน และมีศาลาเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว 3 ปรางค์ อยู่ด้านข้างศาลเจ้า
9.อ๊ามแสงธรรม
อ๊ามแสงธรรม หรืออ๊ามเต่งก้องต๋อง เป็นอ๊ามเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของภูเก็ต ซึ่งมีอายุนับร้อยปี เป็นอีกหนึ่งอ๊ามที่มีความสวย การออกแบบและตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมในรูแบบจีนที่มีความประณีต และอ๊ามแสงธรรมแห่งนี้เคยได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี มาแล้ว